จากการที่กรุงไทเปเป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของไต้หวัน จึงมีบ้านพักเก่าของบุคคลที่มีชื่อเสียงจำนวนมากตั้งอยู่ ประกอบกับกระแสสังคมที่หันมาให้ความสนใจกับการฟื้นฟูโบราณสถานให้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง ทำให้บ้านพักเก่าเหล่านี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์แห่งใหม่ และในซอยเล็กๆ ย่านทิศใต้ของกรุงไทเป มีบ้านพักเก่าของ 2 อดีตบุคคลสำคัญของไต้หวัน ได้แก่ บ้านเก่านายหลี่กั๋วติ่ง (Kwoh-ting Liís Residence) และหอรำลึกซุนยุ่นเสวียน (Sun Yun-Suan Memorial Museum) ถือเป็นเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจในอดีตไปพร้อมๆ กับการเดินชมเมืองไปตามตรอกซอกซอยในเมืองหลวงแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี
บ้านพักเก่าหลี่กั๋วติ่ง บิดาแห่งเทคโนโลยีไต้หวัน
บุคคลสำคัญของประเทศ กับการดำเนินชีวิตแบบเรียบง่าย
บ้านพักเก่าหลี่กั๋วติ่งหลังนี้ ตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่ 3 ซอย 2 ถนนไท่อัน เขตจงเจิ้ง กรุงไทเป สร้างขึ้นในปีค.ศ.1935 (ปีโชวะที่ 10) เดิมเป็นบ้านพักของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ประจำกองสื่อสาร กรมคมนาคมแห่งคณะข้าหลวงใหญ่ (กระทรวงคมนาคมในปัจจุบัน) ในสมัยที่ไต้หวันอยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น และหลังสงครามโลกครั้งที่สอง บ้านพักแห่งนี้ถูกปรับเปลี่ยนมาเป็นบ้านพักของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแทน คุณหลี่กั๋วติ่ง (李國鼎) ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งเทคโนโลยีของไต้หวันและเป็นบุคคลสำคัญของชาติ ได้ย้ายเข้ามาพักอาศัยในบ้านหลังนี้เมื่อปีค.ศ.1972 และพักอาศัยอยู่ที่นี่นานกว่า 30 ปี ก่อนจะเสียชีวิตลงในปีค.ศ.2001
ช่วงเวลาที่ไต้หวันตกอยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น คณะข้าหลวงใหญ่ญี่ปุ่นประจำไต้หวันเลือกกรุงไทเปให้เป็นศูนย์กลางในการติดต่อกับภายนอก มีการจัดตั้งเขตการปกครอง "ซิ่งติง" (幸町) ขึ้นในช่วงก่อนทศวรรษที่ 1930 ปัจจุบันคือละแวกถนนเหรินอ้ายลู่ สวีโจวลู่ จี้หนานลู่และหางโจวหนานลู่ ฯลฯ ระหว่างปีค.ศ.1935ñ1945 เป็นช่วงที่ไต้หวันมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว มีการสร้างเขตที่พักอาศัยเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเป็นแหล่งที่ตั้งของโรงเรียนและบ้านพักข้าราชการหลายแห่ง ทำให้บริเวณดังกล่าวถูกขนานนามว่าเป็น "ถนนโรงเรียน" หรือ "ถนนบ้านพักข้าราชการ" ซึ่งที่อยู่ของ "บ้านพักเก่าหลี่กั๋วติ่ง" ในขณะนั้นก็คือ บ้านเลขที่ 150-3 เขตซิ่งติง
คุณหลี่กั๋วติ่งเกิดที่นครนานกิง ได้รับทุนการศึกษา Boxer Indemnity Scholarship จากประเทศอังกฤษ และเดินทางไปศึกษาต่อสาขาฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เขาทำงานวิจัยเกี่ยวกับฟิสิกส์นิวเคลียร์และวัสดุตัวนำยิ่งยวดอุณหภูมิต่ำ เมื่ออายุได้ 27 ปี เกิดสงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่นขึ้นเขาจึงเดินทางกลับประเทศ ก่อนที่จะเดินทางมายังไต้หวันและเริ่มต้นชีวิตที่เป็นเสมือนภาพสะท้อนการพัฒนาเศรษฐกิจของไต้หวันในระดับตำนาน
คุณอิ่นจงหรง (尹仲容) คุณเหยียนเจียก้าน (嚴家淦) และคุณหลี่กั๋วติ่ง ถือเป็นบุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียงในแวดวงเศรษฐกิจของไต้หวันในยุคนั้น และได้รับการยกย่องให้เป็น ìสามเซียนเศรษฐกิจî แต่คุณอิ่นจงหรงมาด่วนจากไปเสียก่อนในปีค.ศ.1963 ขณะที่คุณเหยียนเจียก้านอำลาจากวงการด้วยปัญหาสุขภาพในปีค.ศ.1986 ทำให้คุณหลี่กั๋วติ่งกลายเป็นผู้ที่มีบทบาทและผลงานมากที่สุดในยุคนั้น ต่อมามีคุณซุนยุ่นเสวียน (孫運璿) และคุณจ้าวเย่าตง (趙耀東) เป็นผู้สืบทอดภารกิจ ทำให้โครงสร้างสังคมเศรษฐกิจของไต้หวันถูกปรับเปลี่ยนจากสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ก่อนจะยกระดับจากอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมเข้าสู่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นสูงในเวลาต่อมา
ช่วงแรกที่เดินทางมายังไต้หวันในปีค.ศ.1948 คุณหลี่กั๋วติ่งอาศัยอยู่ที่บ้านพักของบริษัท Taiwan Shipbuilding Corp. (TSBC) ตั้งอยู่ในซอยละแวกถนนหลินอี๋ กรุงไทเป หลังจากนั้น จึงย้ายมาอาศัยที่ "บ้านพักเก่าหลี่กั๋วติ่ง" แห่งนี้ ซึ่งถือเป็นอาคารที่หรูหราที่สุดในขณะนั้น ลักษณะของตัวบ้านเป็นอาคาร 2 ชั้น ตั้งอยู่บนเนื้อที่เกือบ 1,000 ตารางเมตร (300 ผิง) โดยมีเนื้อที่ของตัวบ้านเพียง 180 ตารางเมตร (55 ผิง) บ้านพักแห่งนี้ได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดีมีสภาพที่สมบูรณ์เหมือนในอดีต ทั้งในส่วนของห้องรับแขก ห้องหนังสือ ห้องนอน ตลอดจนสวนและสนามหญ้าที่อยู่ในบริเวณบ้าน มีการปลูกต้นไม้และไม้ดอกไม้ประดับในแปลงข้างทางเดินของสวนหน้าบ้านหลายชนิด อาทิ ต้นมะเฟือง ต้นหอมหมื่นลี้ ต้นชาดอย ต้นเหมย และต้นซากุระซึ่งมีอยู่กว่า 11 ต้น เนื่องจากชาวไต้หวันนิยมชมชอบการไปเที่ยวชมดอกซากุระเป็นทุนเดิม ทำให้ต้นซากุระของที่นี่เป็นที่รู้จักกันมาก ตัวอาคารบ้านพักสร้างจากไม้เป็นหลัก มีการตกแต่งภายในแบบญี่ปุ่นผสมตะวันตก แต่ละห้องสามารถทะลุถึงกันได้ กำแพงและประตูไม้ที่ถูกออกแบบเป็นตู้เสื้อผ้าได้อย่างลงตัว สร้างความประทับใจให้กับผู้ที่เข้าไปชมเป็นอย่างมาก
"ชุดเก้าอี้ที่วางอยู่ภายในห้องรับประทานอาหารทำจากไม้และใช้การเข้าสลัก ซึ่งเป็นเทคนิคการเชื่อมไม้แบบไม่ต้องพึ่งตะปู เมื่อผ่านการใช้งานมาเป็นเวลานานก็มีอาการหลวมหรือโยกเกิดขึ้น จึงนำเชือกมาผูกมัดให้แน่นแทน ส่วนข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ในห้องอาบน้ำและห้องครัวก็เป็นของเก่าที่เอาไปจัดเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ได้ทั้งนั้น" คุณวั่นฉีเชา (萬其超) อธิบายให้เห็นถึงความประหยัดมัธยัสถ์และซื่อสัตย์สุจริตของคุณหลี่กั๋วติ่งและภรรยา ภายในห้องหนังสือมีตู้เตี้ยๆ ตั้งอยู่ และมีตัวหมากรุกวางคู่กับลูกวอลนัทจำนวนหนึ่งวางอยู่บนตู้ อุปกรณ์ที่เห็นนี้เสมือนเป็น "เครื่องนับก้าวเดิน" ที่คุณหลี่กั๋วติ่งคิดค้นขึ้น ยามที่เขาเดินครบหนึ่งรอบก็จะวางหมากรุกไว้หนึ่งตัว และเปลี่ยนเป็นวางลูกวอลนัทหนึ่งลูกเมื่อเขาเดินครบสิบรอบ
มูลนิธิหลี่กั๋วติ่งเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (李國鼎科技發展基金會: K.T.Li Foundation for the Development Science and Technology) จะมีการจัดกิจกรรมเสวนาขึ้นเป็นประจำเดือนละ 1-2 ครั้ง โดยใช้บ้านพักเก่าแห่งนี้เป็นสถานที่สำหรับจัดกิจกรรม เพื่อดึงดูดให้คนที่มาร่วมงานได้มีโอกาสเยี่ยมชมบ้านพักเก่านี้ไปด้วยในตัวและถือเป็นวิธีการประชาสัมพันธ์ที่ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี
พิพิธภัณฑ์รำลึกซุนยุ่นเสวียน (Sun Yun-Suan Memorial Museum)
นายกรัฐมนตรีผู้สร้างปาฏิหาริย์ทางเศรษฐกิจของไต้หวัน
คุณหลี่กั๋วติ่งและคุณซุนยุ่นเสวียน (孫運璿) นับเป็นบุคคลสำคัญของไต้หวันที่รับใช้ชาติบ้านเมืองด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเฉกเช่นเดียวกัน เมื่อครั้งที่เขาทั้งสองคนยังมีชีวิตอยู่ ทั้งคู่แทบจะไม่มีสินทรัพย์เป็นของตัวเองและอาศัยอยู่ในบ้านพักข้าราชการนานกว่า 20-30 ปี ควบคู่ไปกับทำงานอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย
คุณซุนยุ่นเสวียน เป็นผู้สร้างปาฏิหาริย์ทางเศรษฐกิจของไต้หวัน แต่กลับไม่เคยเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ใดๆ เลยตลอดชั่วชีวิตของเขา เคยมีหนังสือพิมพ์ตีพิมพ์บทความที่อ้างถึงคำพูดของคนในครอบครัวของคุณซุนยุ่นเสวียน และหนี่งในนั้นก็คือคุณซุนลู่ซี (孫璐西) ลูกสาวคนโต ซึ่งปัจจุบันเป็นศาสตราจารย์กิตติคุณประจำสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน คุณซุนลู่ซีย้อนรำลึกเรื่องราวในอดีตว่า ภาพที่เธอเห็นคือคุณพ่อของเธอคิดแต่จะทำงานอย่างเต็มที่เท่านั้น โดยไม่เคยคิดหรือวางแผนเส้นทางชีวิตในภายหลังให้ตัวเองเลย ขณะที่คุณหลิวปิงฉี (劉冰琦) ลูกพี่ลูกน้องที่มีความสนิทสนมกับคุณซุนยุ่นเสวียนเป็นอย่างมากกลับมองว่า สิ่งที่หลานสาวกล่าวนั้นถูกต้องเพียงครึ่งเดียว เนื่องจาก ìที่เขาไม่คิดจะซื้อบ้าน เป็นเพราะเขาไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อî
พิพิธภัณฑ์รำลึกซุนยุ่นเสวียนเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ค.ศ.2014 ตั้งอยู่ในซอย 6 ของถนนฉงชิ่งหนานลู่ ตอน 2 เขตจงเจิ้งในกรุงไทเป และอยู่ใกล้กับประตูด้านข้างของสวนพฤกษศาสตร์ไทเป (Taipei Botanical Garden: TPBG) สถานที่แห่งนี้เป็นที่พำนักของคุณซุนยุ่นเสวียนเมื่อครั้งที่เขารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไต้หวัน สร้างขึ้นระหว่างปีค.ศ.1904ñ1905 เดิมเป็นบ้านพักของเจ้าหน้าที่ระดับสูงประจำบริษัทธุรกิจธนาคารไต้หวัน (ปัจจุบันคือธนาคารไต้หวัน) หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ธนาคารไต้หวันรับมอบอาคารดังกล่าวและใช้เป็นที่พักและบ้านพักสำหรับเจ้าหน้าที่ โดยมีบุคคลสำคัญเคยย้ายมาพักอาศัยหลายคน อาทิ คุณเริ่นเสี่ยนฉวิน (任顯群) รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง นอกจากนี้ยังมีคุณหวงเส้ากู่ (黃少谷) อดีตที่ปรึกษาทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวัน ก็เคยมาพักอาศัยอยู่ที่นี่เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สถานที่แห่งนี้ยังเคยเป็นเรือนรับรองของคุณกู้จู้ถง (顧祝同) อดีตเลขาธิการสภากลาโหมอีกด้วย ก่อนที่จะมีการเรียกคืนให้เจ้าของเดิมคือเทศบาลกรุงไทเปในปีค.ศ.1978
เมื่อครั้งที่คุณซุนยุ่นเสวียนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไต้หวัน เขายังคงอาศัยอยู่ที่บ้านพักเดิมที่เคยอยู่ตั้งแต่ดำรงตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ของบริษัทการไฟฟ้าไต้หวัน ซึ่งเป็นบ้านพักข้าราชการสไตล์ญี่ปุ่นตั้งอยู่บนถนนจี้หนานลู่ ต่อมาได้มีการขยายถนนจี้หนานลู่ตามแผนขยายเมือง พื้นที่สวนในบริเวณบ้านจึงลดลง ประกอบกับตัวบ้านพักมีพื้นที่น้อยเกินไป ไม่เหมาะสมที่จะใช้รับรองแขกบ้านแขกเมือง ประธานาธิบดีเจียงจิงกั๋ว (蔣經國) จึงมีคำสั่งให้เขาย้ายบ้านพักอยู่หลายครั้ง ในที่สุดคุณซุนยุ่นเสวียนยอมย้ายเข้าไปพักอาศัยยังบ้านพักแห่งนี้ซึ่งมีเนื้อที่กว่า 3,000 ตารางเมตร (800 กว่าผิง) ตั้งแต่ปลายปีค.ศ.1980 และใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านพักแห่งนี้นานกว่า 26 ปี ก่อนจะจากโลกนี้ไปในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.2006
ในช่วงที่คุณซุนยุ่นเสวียนย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ๆ เนื่องจากตัวบ้านกว่าครึ่งถูกปลวกเข้าทำลาย จึงต้องรื้อถอนส่วนที่เสียหายทิ้งและสร้างอาคารขึ้นใหม่เพิ่มอีกหนึ่งหลัง เป็นอาคารสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกสมัยใหม่ เมื่อผสมผสานกับตัวบ้านเดิมที่ให้กลิ่นอายแบบญี่ปุ่น ทำให้บ้านหลังนี้มีรูปแบบตะวันตกผสมผสานกับสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นที่ลงตัว บ้านพักแห่งนี้มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ สังคมและวัฒนธรรม ดังนั้น หลังจากที่คุณซุนยุ่นเสวียนถึงแก่อนิจกรรม จึงมีการพิจารณาและขึ้นทะเบียนให้เป็นโบราณสถานของกรุงไทเป พร้อมทั้งทำการบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่
พิพิธภัณฑ์นี้แบ่งออกเป็นสองส่วน คือส่วนของอาคารตะวันตกหรือตึกฝรั่ง และส่วนของเรือนรับรองแบบญี่ปุ่น สำหรับตึกฝรั่งถูกใช้เป็นที่ทำงานของเขาเมื่อครั้งที่คุณซุนยุ่นเสวียนยังมีชีวิตอยู่ ส่วนเรือนรับรองแบบญี่ปุ่นนั้นถูกใช้เป็นที่พักส่วนตัว
ห้องรับแขกในตึกฝรั่งยังคงถูกเก็บรักษาอยู่ในสภาพเดิม โดยที่ภายในตัวอาคารมีการจัดแสดงป้ายที่ทำจำลองขึ้นจากป้ายจริง ซึ่งเขียนด้วยลายมือของอดีตประธานาธิบดีเจียงไคเช็คว่า "สว่างไสวทั่วทุกทิศ" (光被八表) และสามารถเดินทะลุไปยังเรือนรับรองแบบญี่ปุ่นได้ บริเวณนี้จะมีการจัดแสดงภาพถ่ายของคุณซุนยุ่นเสวียนและครอบครัวจำนวนมาก ที่ผนังห้องทั้งสองข้างมีราวจับติดตั้งอยู่ ซึ่งลูกชายของเขามาติดตั้งไว้ หลังจากที่เขาป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมองและต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลในระหว่างดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไต้หวัน เมื่อออกจากโรงพยาบาลแล้วเขาก็ต้องใช้รถเข็น ทำกายภาพบำบัดและฝึกการเดินที่บริเวณนี้เอง หลังอำลาวงการการเมืองแล้ว เขามักจะใช้เวลาพักผ่อนหย่อนใจไปกับการชมปลาในบ่อจากห้องนอนที่อยู่บนชั้นสองของเรือนหลังนี้ หรือไม่ก็จะไปนั่งเล่นที่ม้าหินข้างสระน้ำในสวนและให้อาหารปลาไปด้วย
อาคารห้องพักของคนขับรถที่มีสภาพเก่าทรุดโทรมได้รับการปรับปรุงจากสถาปนิกจนกลายเป็นตึกที่ดูทันสมัย ใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดแสดงงานศิลปะและผลิตภัณฑ์นวัตกรรมต่างๆ การเลือกใช้บานกระจกขนาดใหญ่ ช่วยให้มองเห็นต้นไม้และสวนโดยรอบได้ชัดเจน และเพื่อหลีกเลี่ยงภาพที่อาจจะดูขัดตากับลักษณะของตัวอาคาร จึงย้ายพื้นที่บางส่วนลงไปไว้ที่ชั้นใต้ดิน และใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดอบรมสัมมนา งานประชุม รวมถึงกิจกรรมด้านศิลปวัฒนธรรมต่างๆ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้คาดหวังว่า วิถีชีวิตที่เรียบง่ายของปูชนียบุคคลที่ควรค่าแก่การเคารพยกย่องจะผสมผสานความเก่าแก่เข้ากับสมัยใหม่ เพื่อเผยแพร่จิตวิญญาณอมตะของคุณซุนยุ่นเสวียน ให้ชนรุ่นหลังได้เรียนรู้สืบไป