การเดินทางรอบโลกของกระเบื้อง
กระเบื้องมาจอลิก้า มีต้นกำเนิดมาจากเครื่องเซรามิกและกระเบื้องเคลือบของประเทศอิสลาม ซึ่งถูกนำมาเผยแพร่ต่อไปยังหลายประเทศ ทั้งสเปน อิตาลี เนเธอร์แลนด์ และฝรั่งเศส เป็นต้น โดยในช่วงกลางศตวรรษที่ 16 ได้ถูกเผยแพร่ไปยังอังกฤษ ประจวบกับเป็นช่วงที่อังกฤษเกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมขึ้น จึงส่งผลให้เกิดเทคนิคใหม่ในการผลิตกระเบื้องมาจอลิก้า ก่อนจะถูกพัฒนาให้กลายมาเป็น “กระเบื้องวิกตอเรีย” ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก
กระเบื้องวิกตอเรียถูกเผยแพร่เข้าสู่ญี่ปุ่นในช่วงปลายเอโดะถึงต้นยุคเมจิ ซึ่งนายช่างชาวญี่ปุ่นได้เริ่มการค้นคว้าเกี่ยวกับกระเบื้องวิกตอเรียขึ้น กระทั่งช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ญี่ปุ่นประสบความสำเร็จในการพัฒนาการผลิตกระเบื้องโดยใช้เทคนิคแบบแห้ง จึงทำให้ทั้งคุณภาพและมาตรฐานได้รับการพัฒนาให้ก้าวหน้าขึ้นเป็นอย่างมาก ก่อนจะเริ่มผลิตในปี ค.ศ. 1920 และมีการส่งออกกระเบื้องมาจอลิก้าไปยังต่างประเทศ
ตลาดสำคัญคือกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งจีน เอเชียอาคเนย์ อินเดีย รวมถึงอเมริกาเหนือและใต้ อาจารย์เคนจิฯ คาดว่า “กว่าร้อยละ 90 ของกระเบื้องมาจอลิก้าที่ใช้ในการก่อสร้างบ้านในไต้หวัน ถูกผลิตขึ้นในญี่ปุ่น จึงถือว่ามีความเกี่ยวพันกับการที่ไต้หวันเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่น” โดยบริษัทญี่ปุ่นได้ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดและได้ผลิตกระเบื้องมาจอลิก้าให้สอดคล้องกับสไตล์ของแต่ละพื้นที่ เช่น ในไต้หวันจะมีลวดลายเกี่ยวกับความเป็นสิริมงคล พืชผักผลไม้ และสัตว์ต่าง ๆ ส่วนในอินเดีย ก็จะมีลวดลายเป็นภาษาสันสกฤต หรือเป็นรูปเทพเจ้า เป็นต้น
เรื่องราวของกระเบื้องแผ่นเล็ก ๆ แต่กลับทำให้เราได้เรียนรู้ถึงประวัติความเป็นมาของตลาดแห่งโลกาภิวัตน์ เทคนิคการผลิตกระเบื้องแบบอังกฤษ และความได้เปรียบทางอุตสาหกรรม ทำให้อังกฤษกลายเป็นผู้นำในตลาดกระเบื้องเคลือบ ญี่ปุ่นซึ่งมาในภายหลัง ได้เริ่มจากการเลียนแบบ ก่อนจะพยายามศึกษาค้นคว้า และพัฒนาจนได้กระเบื้องที่มีคุณภาพสูงไม่แพ้กัน โดยอาศัยจุดเด่นด้านทำเลที่ตั้งและการครอบครองอาณานิคม ในการทำตลาดและส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ ซึ่งไต้หวัน ถือเป็นตลาดแรกที่ญี่ปุ่นส่งออกกระเบื้องมาจอลิก้า จนส่งผลให้กระเบื้องมาจอลิก้าที่ถูกนำเข้ามาจากต่างประเทศ กลายเป็นภาพแห่งทิวทัศน์อันงดงามของหลังคาและผนังอาคารบ้านเรือนในไต้หวัน
กระเบื้องแผ่นเล็ก ๆ ถูกนำมาปะติดปะต่อจนกลายเป็นทิวทัศน์ของเมืองที่แตกต่างกันออกไป และยังเชื่อมโยงประเทศเกาะอย่างญี่ปุ่น เข้ากับไต้หวัน เอเชียอาคเนย์ จีน รวมถึงอังกฤษและประเทศในยุโรป นี่คือประวัติศาสตร์ของ “สิ่งของ” ที่หากไม่ได้ศึกษาค้นคว้าก็จะไม่รู้เลยว่า สิ่งของที่ดูแล้วธรรมดามาก ๆ นี้ ได้เชื่อมโยงโลกเข้าด้วยกันและทำให้เรารู้สึกหลงใหลไปกับมันได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
กระเบื้องในยุคปัจจุบัน
เน้นลายเส้นแบบเรียบง่ายเป็นหลัก
หอจงซานถังไทเป สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1936 เดิมคือ หอประชุมไทเป ผนังด้านนอกถูกประดับด้วยแผ่นกระเบื้อง Tapestry สีเทาเขียว ปัจจุบันถือเป็นโบราณสถานระดับประเทศ
อาคารนิทรรศการการเกษตรของมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน ถือเป็นอาคารสมัยใหม่ในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1963 โดยมีจางจ้าวคัง เป็นสถาปนิกผู้ออกแบบ เป็นที่รู้จักทั่วมหาวิทยาลัยในชื่อ“ตึกรู” เนื่องจากมีการใช้ท่อเซรามิกในการออกแบบช่องหน้าต่างบนผนังอาคารด้านนอก
กระเบื้องที่ถูกประดับไว้ด้านนอกของตัวอาคาร ทำให้เกิดเป็นรูปลักษณ์ของอาคารแต่ละแห่ง