ปัจจุบันไต้หวันมีผู้ย้ายถิ่นฐานใหม่ แรงงานข้ามชาติ และนักศึกษาที่มาจากประเทศอาเซียนรวมทั้งสิ้นร่วม 800,000 คน เพื่อเป็นการสนับสนุนให้พวกเขาได้มีความทรงจำและความรู้สึกที่ดีในช่วงเวลาที่อาศัยในไต้หวัน สมาคมพัฒนาแรงงานต่างชาติไต้หวัน (Global Workers°¶ Organization, GWO) จึงจัดกิจกรรมประกวดวีดิทัศน์ผู้ย้ายถิ่นฐาน ประจำปี 2016 (2016 Taiwan Migrants Video Award) เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ย้ายถิ่นฐานเหล่านี้ (คู่สมรสต่างชาติ แรงงานข้ามชาติ และนักศึกษาต่างชาติในไต้หวัน เรียกโดยรวมว่า °ßผู้ย้ายถิ่นฐาน°®) ได้บอกเล่าเรื่องราวของตนเองผ่านเลนส์กล้อง เป็นการถ่ายทอดมุมมองเกี่ยวกับไต้หวันในสายตาของพวกเขาและทำให้ไต้หวันเกิดมุมมองใหม่ต่อพวกเขาอีกด้วย
ช่วงบ่ายวันอาทิตย์ที่ร้อนอบอ้าว พิธีมอบรางวัลงานประกวดวีดิทัศน์ผู้ย้ายถิ่นฐาน ประจำปี 2016 จัดขึ้นที่กรุงไทเป ภายในห้องบรรยายชั้น 3 ของอาคารจัดแสดงนิทรรศการ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติไต้หวันและธนาคารแลนด์แบงก์แห่งไต้หวัน ภายในห้องบรรยายคราคร่ำไปด้วยผู้ย้ายถิ่นฐานจากหลากหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บรรยากาศช่างคล้ายกับการประชุมอาเซียนขนาดย่อมๆ เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเป็นเอเชียอาคเนย์
สวีรุ่ยซี (徐瑞希) ประธานสมาคมพัฒนาแรงงานต่างชาติไต้หวัน ระบุว่า ปัจจุบันมีแรงงานข้ามชาติที่มาจากประเทศอาเซียนอาศัยอยู่ในไต้หวันกว่า 600,000 คน โดยคู่สมรสต่างชาติที่เป็นผู้ย้ายถิ่นฐานใหม่ประมาณ 140,000 คน และนักศึกษาต่างชาติอีกประมาณ 45,000 คน รวมทั้งสิ้นเกือบ 800,000 คน หวังว่าการจัดงานประกวดวีดิทัศน์ผู้ย้ายถิ่นฐานนี้จะเป็นเวทีให้ผู้ย้ายถิ่นฐานที่เดินทางมาไต้หวันเพื่อไล่ตามความฝัน ได้ถ่ายทอดมุมมองของพวกเขาที่มีต่อไต้หวันผ่านเลนส์กล้อง
สวีรุ่ยซีเล่าว่า ปีที่แล้วได้จัดกิจกรรมประกวดภาพยนตร์สั้น ภายใต้ชื่องาน “รางวัลประกวดวีดิทัศน์ผู้ย้ายถิ่นฐาน-มองชีวิตจริงของผู้ย้ายถิ่นฐาน” ได้เห็นผลงานหลากหลายจากผู้ย้ายถิ่นฐาน ในปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ไปพร้อมกับการจัดกิจกรรมเวิร์คช็อปการข่าวพลเมืองให้แก่ผู้ย้ายถิ่นฐานชาวอินโดนีเซียในไทเป หยุนหลิน และเกาสงอีกด้วย ดังนั้นผลงานวีดิทัศน์ที่ส่งเข้าร่วมการประกวดในปีนี้จึงมีคุณภาพสูงขึ้นจากปีที่แล้ว
เธอกล่าวว่า การที่ผู้ย้ายถิ่นฐานบอกเล่าแบ่งปันเรื่องราวชีวิตของตนเองแก่สังคมไต้หวัน จะทำให้ทั้งสองฝ่ายเห็นคุณค่าของการได้อยู่ร่วมกันบนผืนแผ่นดินไต้หวัน
ด้านเฉินจี้หมิน (陳濟民) ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์แห่งชาติไต้หวันซึ่งเป็นหน่วยงานที่ร่วมจัดกิจกรรมนี้ กล่าวว่า ไต้หวันเป็นสังคมของผู้ย้ายถิ่นฐาน มีกลุ่มคนหลากหลายที่หลอมรวมกันในสังคม ต่างฝ่ายต่างเข้าใจซึ่งกันและกัน ไม่มีการแบ่งแยก ทำให้เกิดการพัฒนาทางสังคมและวัฒนธรรมที่หลากหลาย ด้วยเหตุนี้ การจัดงานประกวดวีดิทัศน์ผู้ย้ายถิ่นฐานจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด แต่หลังจากนี้อีก 30 ปี งานนี้คงจะหายไป และอีก 50 ปีจะไม่เหลืออยู่อย่างแน่นอน เพราะถึงเวลานั้น ทุกคนได้กลายเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว
โนระมัน อะดิกูนา (Noerman Adhiguna) ผู้ช่วยอาวุโสฝ่ายแรงงาน สำนักงานเศรษฐกิจและการค้าอินโดนีเซีย ไทเป ซึ่งเดินทางมาในงานเพื่อให้กำลังใจพี่น้องผู้ย้ายถิ่นฐานอินโดนีเซียเป็นพิเศษ ในคำปราศรัยได้แถลงขอบคุณผู้จัดงานที่ได้เปิดเวทีให้ผู้ย้ายถิ่นฐานได้มีโอกาสแสดงตนและฝึกฝนความสามารถ ผู้ย้ายถิ่นฐานนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าคนอื่น จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทุกคนจะช่วยกันเป็นกำลังใจให้เหล่าผู้ย้ายถิ่นฐานด้วย
เรื่องราวของตัวเอง ถ่ายทำเอง
การแข่งขันในปีนี้แบ่งประเภทการประกวดออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทเล่าเรื่อง และประเภทภาพยนตร์สั้น โดยประเภทเล่าเรื่องมีผลงานที่ส่งประกวดทั้งหมด 9 เรื่อง และประเภทภาพยนตร์สั้นมีผลงานร่วมประกวดทั้งหมด 15 เรื่อง
สำหรับประเภทเล่าเรื่อง อันดรี ซะเตียววาตี (Andry Setyowati) ซึ่งเดินทางไกลจากอินโดนีเซียมาทำงานเป็นผู้อนุบาลในนครเกาสง ได้รับรางวัลชนะเลิศจากผลงาน “อะเมซซิ่ง เกาสง: พันไมล์จากบ้าน” (Miles from our home “Amazing Kaohsiung”) ในช่วงที่เธอทำงานนั้น ก็ค่อยๆ หลงใหลในนครเกาสง ดังนั้นในวีดิทัศน์จึงนำเสนอเรื่องราวด้านศิลปวัฒนธรรมของเกาสงในเชิงลึก, หอสมุดนครเกาสงที่ทันสมัย, พิพิธภัณฑ์ศิลปะ, ท่าเรือฉีจิน และตลาดไนท์มาร์เก็ต เธอสวมฮิญาบตามแบบฉบับสาวชาวมุสลิมขึ้นรับรางวัล และกล่าวว่ารู้สึกยินดีมากที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมอันทรงคุณค่าเช่นนี้ ที่จริงจะแพ้หรือชนะในการประกวดไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะสิ่งสำคัญคือการได้สร้างสรรค์ผลงาน เท่านี้ก็ถือว่าเอาชนะตัวเองได้แล้ว
ดิดิก ซะเตียวัน (Didik Setyawan) วัยรุ่นชาวอินโดนีเซียมาในเครื่องแต่งกายสไตล์ฮิปฮอป เจ้าของผลงาน “สถานที่น่าเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์” (Tempat liburan yang ideal) ได้รับรางวัลที่ 2 และรางวัลขวัญใจผู้ชมผ่านการโหวตทางอินเตอร์เน็ต ได้ขึ้นรับรางวัลถึง 2 รอบ เป็นที่น่าปลาบปลื้มใจเป็นอย่างมาก ในวีดิทัศน์เขาเปรียบเสมือนทูตการท่องเที่ยวประจำท้องถิ่น แนะนำจุดท่องเที่ยวส่วนตัวของเขาช่วงสุดสัปดาห์ เช่น ขี่จักรยานยูไบค์ (YouBike) ในสวนสาธารณะริมทางระบายน้ำในเขตซันฉง นครนิวไทเป ขณะขี่อยู่บนเส้นทางก็แนะนำกีฬาเบสบอลที่คนไต้หวันนิยมเล่น ต่อด้วยการตามล่าหาขุมทรัพย์ที่ตลาดนัดใต้สะพาน และจับกลุ่มกับเพื่อนๆ พูดคุยสัพเพเหระ ชิมอาหารพื้นบ้านกันที่ห้องโถงกลางสถานีรถไฟไทเป ด้วยมุมมองผ่านเลนส์กล้องของเขา จะทำให้คุณสามารถเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์ตามรอยเขาได้
รันดี เฮริยันโต (Randy Heriyanto) นักศึกษาชาวอินโดนีเซีย ซึ่งเดินทางมาไต้หวันเพื่อศึกษาในมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหยุนหลิน (雲林科技大學 National Yunlin University of Science and Technology) ได้รับรางวัลที่ 3 จากผลงาน “สองปีในไต้หวัน” (2 years in Taiwan) เขาได้บันทึกประสบการณ์การใช้ชีวิตท่ามกลางวัฒนธรรมไต้หวันเป็นเวลา 2 ปี ได้เห็นประทัดรวงผึ้ง เทศกาลโคมไฟ การฝังเข็ม ฯลฯ ทำให้เขารู้สึกประทับใจอย่างมาก และเขาก็ไม่ลืมที่จะเผยแพร่นาฏศิลป์และบทเพลงของอินโดนีเซียให้แก่นักศึกษาไต้หวันด้วย
และผู้ที่ได้รับรางวัลที่ 3 อีกคนหนึ่ง คือ ดีน่า เยนี มาระเตีย (Dina Yeni Martia) นักศึกษาชาวอินโดนีเซีย มหาวิทยาลัย
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหยุนหลินเช่นกัน จากผลงาน
“เทศกาลประทัดรวงผึ้งของไต้หวัน ที่เหยียนสุ่ย” (Keme
riahan Malam Cap Go Meh di Taiwan) ถ่ายภาพความอลังการของพลุและโคมไฟในระยะใกล้ เป็นการบันทึกภาพประเพณีที่มีชื่อเสียงของคนท้องถิ่นอย่างเทศกาลโคมไฟ ทำให้ผู้ชมเสมือนได้อยู่ท่ามกลางประทัดรวงผึ้งจริงๆ
ภายในงานมีวง “รีลิกซ์” (Relix) ซึ่งเป็นวงดนตรีของผู้ย้ายถิ่นฐานชาวอินโดนีเซียมาแสดงคอนเสิร์ตขับกล่อมผู้ชมด้วยบทเพลงภาษาอินโดนีเซียที่พวกเขาแต่งขึ้นเอง และอังกอร์อีก 1 เพลง ช่วยทำให้บรรยากาศงานมอบรางวัลที่น่าตื่นเต้นผ่อนคลายลงไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
สีสันและความหลากหลายจากภาพยนตร์สั้น
การแข่งขันในประเภทภาพยนตร์สั้น เป็นอะไรที่ดุเดือดมากเช่นกัน โดยทีมเอ็มอายุบ (M. Ayub) ของผู้ย้ายถิ่นฐานชาวอินโดนีเซียในไต้หวันสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศในประเภทนี้มาครองได้เป็นครั้งแรก จากผลงานเรื่อง “ทางเลือกของความรัก” (Pilihan) ซึ่งเนื้อหาของเรื่องกล่าวถึงคุณแม่ชาวอินโดนีเซียที่ต้องการจะทำตามความฝันของตนเอง จึงตัดสินใจแยกห่างจากสามีและลูกสุดที่รัก เพื่อเดินทางมาศึกษาต่อยังไต้หวัน การใช้ชีวิตในแต่ละวันของเธอในไต้หวันแม้จะเต็มไปความยุ่งวุ่นวาย แต่เธอก็ยังมีอารมณ์และความรู้สึกเศร้าใจทุกครั้งเมื่อคิดถึงความรักความอบอุ่นจากครอบครัวของเธอที่บ้านเกิด หลังจากได้รับรางวัลทีมเอ็มอายุบกล่าวว่า พวกเขายังต้องตามล่าหาความฝันต่อไปด้วยการบันทึกเรื่องราวประสบการณ์ของผู้ย้ายถิ่นฐานชาวต่างชาติ
วิวายูดี เอ็มเดเป (Dwi Wahyudi MDP) จากอินโดนีเซียกับผลงานเรื่อง “ผู้ย้ายถิ่นฐานสามารถทำอะไรได้บ้าง” (TKI Bisa Apa) ซึ่งได้รับรางวัลที่ 2 จากประเภทภาพยนตร์สั้นกล่าวว่า คนส่วนใหญ่มักสงสัยว่าผู้ย้ายถิ่นฐานในไต้หวันสามารถทำอะไรได้บ้าง ซึ่งความจริงแล้วผู้ย้ายถิ่นฐานเหล่านี้ขาดแคลนเพียงโอกาสเท่านั้น
ส่วนรางวัลที่ 3 มีภาพยนตร์ถึงสามเรื่องที่ได้รับรางวัลร่วมกัน ประกอบด้วย ผลงานเรื่อง “บันทึกประจำวันในไต้หวันของชิวเหิง” ของคุณหร่วนชิวเหิง (阮秋姮) นักศึกษาชาวเวียดนามในไต้หวัน ต่อมาคือผลงานเรื่อง “ความสำเร็จที่เป็นของฉัน” (Susah di penampungan sampai sukses di negeri orang) ของคุณซูชี่ คริเซย่า (Sucy Crishya) ชาวอินโดนีเซีย และสุดท้ายคือผลงานเรื่อง “ประสบการณ์ดำน้ำที่เกาะลวี่เต่า” (working) ของคุณซังซอฮุง (Dang Do Hung) จากเวียดนาม
คุณหร่วนชิวเหิงกล่าวว่า เธอรู้สึกดีใจมากที่ทำให้เวียดนามได้รับรางวัลที่ 3 เมื่อหกปีก่อนคุณหร่วนชิวเหิงเดินทางจากเวียดนามเพื่อมาศึกษาต่อยังไต้หวัน ปัจจุบันเธอเป็นนักศึกษาระดับปริญญาโทอยู่ที่มหาวิทยาลัยซือต้า (National Taiwan Normal University) เริ่มแรกคุณร่วนชิวเหิงกล่าวว่า เธอรู้สึกคิดถึงบ้านเกิดมาก แต่พอภาษาจีนของเธอพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ มันก็ทำให้เธอค่อยๆ ปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตในไต้หวันได้ ในช่วงระหว่างการศึกษาต่อเธอได้มีโอกาสสอนให้คนไต้หวันพูดภาษาเวียดนาม และยังมีโอกาสเข้าร่วมการถ่ายทำหรือผลิตภาพยนตร์สั้น ซึ่งโอกาสเหล่านี้ทำให้เธอเข้าใจถึงวัฒนธรรมของไต้หวันมากขึ้น
คุณซูชี่ คริเซย่า เดินทางจากอินโดนีเซียเพื่อมาทำงานเป็นผู้อนุบาลในไต้หวัน เธอเป็นคนที่มีเสียงไพเราะและรักในการร้องเพลงมาก เธอร้องเพลงที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้ย้ายถิ่นฐานออกมาได้หลากหลายสไตล์ จนในที่สุดเธอก็กลายเป็นนักร้องที่มีผลงานเป็นของตัวเอง เธอขอเป็นกำลังใจให้ผู้ย้ายถิ่นฐานทุกคนกล้าที่จะทดลองทำสิ่งที่แตกต่างในชีวิตประจำวัน
คุณซังซอฮุงชาวเวียดนามที่เดินทางมาศึกษายังไต้หวันได้ถือโอกาสที่ไปดำน้ำเพื่อทำงานร่วมกับทีมนักวิทยาศาสตร์ทางทะเล ทำการบันทึกภาพประสบการณ์ใต้ท้องทะเลของเกาะลวี่เต่า เขาได้เห็นปะการังวางไข่และสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลที่หาดูได้ยากอีกหลากหลายชนิด ความงดงามของทิวทัศน์ใต้ท้องทะเลเป็นความประทับใจที่เขาจะไม่มีวันลืม เขากล่าวว่า รางวัลวีดิทัศน์ผู้ย้ายถิ่นฐานถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่มีความหมายมากๆ เขารู้สึกขอบคุณผู้จัดงานที่เปิดเวทีแห่งนี้ขึ้นมาให้ผู้ย้ายถิ่นฐานจากต่างชาติได้มีพื้นที่ในการแสดงถึงความสามารถของตนเอง
สำหรับผลงานภาพยนตร์สั้นที่รับรางวัลขวัญใจมหาชนจากการโหวตผ่านอินเตอร์เน็ต เป็นของคุณยูซุป อัฟอันดี (Yusuf Efendi) ผู้ย้ายถิ่นฐานชาวอินโดนีเซียกับผลงานเรื่อง “พบรักตรงหัวมุม” เขาเล่าในภาพยนตร์ว่า เขานั้นชอบบันทึกภาพวีดิทัศน์มาก มุมกล้องของเขาคือการบันทึกภาพตัวเองที่เดินทางไปยังที่ต่างๆ และเพราะการถ่ายภาพนี่แหละจึงทำให้เขาได้เจอกับแฟนสาวสุดที่รักคนนี้
มุมมองความหลากหลายทางวัฒนธรรม
คุณจวงฟงเจีย (莊豐嘉) กรรมการจากองค์กรข่าวเพื่อประชาชน (People Post Citizen Journalism) กล่าวว่า ผลงานในปีนี้มีพัฒนาการดีขึ้นกว่าปีแล้วมาก ผู้เข้าร่วมแข่งขันในปีนี้ได้ทำการถ่ายทอดเรื่องราวออกมาจากความรู้สึกจริงๆ พวกเขามีความมั่นใจอย่างเต็มที่ในการแสดงออกถึงความรู้สึกของพวกเขาและการเจริญเติบโตของไต้หวัน โดยดูจากการเลือกประเด็นและมุมกล้องในการนำเสนอที่มีการพัฒนาขึ้นแบบก้าวกระโดดมาก เขากล่าวว่า ผู้เข้าแข่งขันมีต้นทุนที่จำกัด แต่ยังสามารถทำผลงานออกมาได้ดีขนาดนี้ ถือเป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์และน่าประทับใจมาก เขาขอเป็นกำลังใจและสนับสนุนให้ผู้เข้าร่วมการแข่งขันทุกคนสู้ต่อไป ทั้งยังชื่นชมผลงานที่ได้รับรางวัลทุกชิ้นว่าสามารถใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารสำหรับการประชาสัมพันธ์ไต้หวันในภูมิภาคอาเซียนได้เป็นอย่างดี
นายหูอู๋อี้ (胡毋意) กรรมการอีกท่านซึ่งเป็นผู้คร่ำหวอดในวงการผลิตรายการโทรทัศน์กล่าวว่า ผู้ย้ายถิ่นฐานที่มาทำงานและมาศึกษาต่อในไต้หวันได้ใช้แรงกายแรงใจและเวลาที่หลงเหลือจากการทำงานมาดำเนินการถ่ายทำวีดิทัศน์ ด้วยมุมมองของตนเองที่มีต่อการความคุ้นเคยในการใช้ชีวิตประจำวันร่วมกับคนในท้องถิ่น ซึ่งนี่คือผลของมุมมองแห่งความหลากหลายทางวัฒนธรรม ซึ่งทำให้เรารู้สึกเปี่ยมไปด้วยความซาบซึ้งและความสุข
การประกาศรางวัล Taiwan Migrants Video Award ได้จบลงด้วยความสำเร็จอย่างงดงาม รางวัลนี้จัดทำขึ้นก็เพื่อให้ผู้ย้ายถิ่นฐานจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สามารถใช้วีดิทัศน์เป็นสื่อในการถ่ายทอดความรู้สึกของตนเองที่มีต่อไต้หวันออกมา และนำเสนอไต้หวันจากมุมมองของพวกเขา เพราะฉะนั้นสำหรับคนไต้หวันเมื่อพบเห็นผู้ย้ายถิ่นฐาน ก็ควรเสริมสร้างความเข้าใจและทำความรู้จักซึ่งกันและกัน เพื่อให้เกิดสะพานแห่งมิตรภาพที่จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันกับอาเซียนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น