เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กองทุนเพื่อความร่วมมือและพัฒนาระหว่างประเทศของไต้หวัน (International Cooperation and Development Fund : ICDF) ได้จัด โครงการอบรมการประกอบธุรกิจโดยสตรีเชิญชวนผู้หญิงจากประเทศอาเซียนและเอเชียใต้เดินทางมาไต้หวันเพื่อเข้าร่วมอบรม เนื้อหาการอบรมระยะเวลา 2 สัปดาห์ แบ่งออกเป็นวิชาที่เรียนในห้อง และทัศนศึกษาองค์กรของนักธุรกิจสตรี บรรดาผู้เข้าอบรมมีความสนใจเป็นอย่างยิ่งต่อบริการที่รัฐบาลไต้หวันได้ให้ความช่วยเหลือแก่สตรีที่ต้องการประกอบธุรกิจ เช่น การฝึกอบรมทักษะและวิชาชีพ โครงการกู้ยืมเงิน และการให้คำปรึกษาด้านการตลาด เป็นต้น จากการที่ได้มีปฏิสัมพันธ์อย่างกระตือรือร้นกับวิทยากร ซึมซับประสบการณ์ในไต้หวัน พวกเขาต่างหวังว่าเมื่อเดินทางกลับบ้านเกิดแล้ว จะนำเอาความรู้ที่ได้ไปถ่ายทอดต่อ
ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา ประเด็นเรื่องการประกอบธุรกิจขนาดย่อม เริ่มเป็นที่เฟื่องฟูขึ้นในไต้หวัน สำหรับการประกอบธุรกิจโดยสตรี รัฐบาลได้ผลักดันโครงการธุรกิจขนาดย่อมในชื่อโครงการนกฟีนิกซ์ และ โครงการการประกอบธุรกิจโดยสตรีในชื่อโครงการหงส์บิน และเมื่อปีที่แล้ว การประชุมด้านสตรีและเศรษฐกิจ (WEF) ในการประชุมความร่วมมือกลุ่มเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) มีการแบ่งปันประสบการณ์ของไต้หวัน เรื่องสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและการประกอบธุรกิจโดยสร้างอำนาจแก่สตรี (women empowerment) ประเทศสมาชิก APEC จำนวนมาก ได้ให้การยอมรับต่อโครงการดังกล่าวของไต้หวัน
การประกอบธุรกิจโดยสตรี ซอฟต์พาวเวอร์ของไต้หวัน
เมื่อพุ่งเป้าไปที่ พลังอันอ่อนโยน นี้ ในปีนี้ ICDF จึงได้จัด โครงการอบรมการประกอบธุรกิจโดยสตรี ขึ้นเป็นครั้งแรก โดยเจาะจงไปที่ประเทศในอาเซียนและเอเชียใต้ มีผู้เข้าอบรมจำนวน 12 คน จากประเทศเนปาล, อินโดนีเซีย, เวียดนาม, อินเดีย, ศรีลังกา และไทย
หลักสูตรสำคัญที่อบรม คือ การบรรยายในหัวข้อ "การประกอบธุรกิจโดยสตรี" และการทัศนศึกษาองค์กรธุรกิจ เนื้อหาประกอบด้วยการแนะนำ โครงการธุรกิจขนาดย่อมนกฟีนิกซ์ และ โครงการการประกอบธุรกิจโดยสตรีหรือโครงการหงส์บิน และยังได้เชิญสมาคมสตรีไทเปเพื่อการตื่นรู้ (台北市新知婦女協會 : Taipei Awakening Association) มาแบ่งปันประสบการณ์การพัฒนาศักยภาพของผู้หญิงและการฝึกความสามารถในการประกอบธุรกิจ และศูนย์สร้างสรรค์บ่มเพาะ มหาวิทยาลัยแห่งชาติไถตง (NTTU Innovation Incubator Center) ก็ได้ร่วมถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับระบบการอบรมบ่มเพาะวิสาหกิจของสตรี
นอกจากการบรรยายในห้องเรียนแล้ว ในการอบรมนี้ยังจัดให้ไปทัศนศึกษาเทศบาลนครเกาสงและกลุ่มสตรีในท้องถิ่นด้วย โดยเยี่ยมชม บริษัท Anewei (中國藍), Xie Xie Tea (謝謝茶) และ Green-in-Hand (掌生穀粒) ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจของผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จ โดยมีการจัดแคมป์แลกเปลี่ยนการเรียนรู้ธุรกิจ สัมผัสซอฟต์พาวเวอร์ภาคประชาสังคมของไต้หวัน
ผู้เข้าอบรมจากประเทศและสาขาอาชีพที่แตกต่างกันมาบรรจบพบกันที่ไต้หวัน นับเป็นโอกาสที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่ง นอกจากการเข้าร่วมมีปฏิสัมพันธ์ในชั้นเรียนอย่างกระตือรือร้นแล้ว ยังใช้ประโยชน์จากเวลาที่เหลือหาโอกาสสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันอีกด้วย ซึ่งเป็นโอกาสที่หาได้ยาก ไม่เพียงแต่เป็นการกระชับมิตร ยังทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันกับประเทศต่างๆ ตามนโยบายมุ่งสู่ใต้ใหม่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นอีกด้วย
มาเรียนการบริหารจัดการธุรกิจที่ไต้หวัน
คุณชไมพร เจริญทั้งสมบัติ หรือ เสิ่นเผยซือ (沈培詩) เป็นชาวไทยเชื้อสายจีนรุ่นที่ 3 ซึ่งเป็นรุ่นหลานของทหารจีนคณะชาติกองพล 93 ที่อาศัยอยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย เธอเปิดธุรกิจร้านกาแฟ 93 Army Coffee ในกรุงเทพมหานคร และเป็นหนึ่งในผู้เข้าอบรม
คุณชไมพรเป็นศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยแห่งชาติไทเป (National Taipei University) ระหว่างที่ศึกษาอยู่ที่ไต้หวันเคยทำงานพิเศษในร้านกาแฟ หลังจากเดินทางกลับประเทศไทยก็ได้ริเริ่มธุรกิจของตนเอง จนกระทั่งปัจจุบันมีร้านกาเเฟของตนเองถึง 3 ร้าน นอกจากขายกาแฟแล้ว ยังเปิดสอนการชงกาแฟอีกด้วย
จุดประสงค์ในการเดินทางมาไต้หวันอีกครั้งของคุณชไมพรคือ เรียนรู้การบริหารจัดการธุรกิจ เมื่อต้องเผชิญกับการทำธุรกิจที่เฟื่องฟูขยายตัวขึ้น โมเดลการตลาดก็จะต้องมีความสร้างสรรค์และโดดเด่น
คุณชไมพรเจ้าของธุรกิจร้านกาแฟเห็นว่า เมื่อได้รับจากสังคมแล้ว ก็ต้องตอบแทนสังคมด้วย เธอรู้สึกว่าปัญหาการค้าประเวณีในเมืองไทยรุนแรงมาก คุณชไมพรจึงอาศัยการเรียนในชั้นเรียน ทุ่มเทเรื่องการดูแลห่วงใยสังคมนอกเหนือจากการเรียนบริหารจัดการธุรกิจ เพื่อช่วยเหลือผู้หญิงให้กลับเข้าสู่ตลาดงานและคำนึงถึงสาธารณประโยชน์เป็นหลัก เธอหวังว่าจะใช้ความรู้ความสามารถจากการเป็นเจ้าของร้านกาแฟ ช่วยเหลืออบรมบ่มเพาะผู้หญิงในท้องถิ่นให้สามารถเพิ่มพูนทักษะความสามารถอย่างที่สองของตนได้
สนใจโครงการเงินกู้เพื่อริเริ่มธุรกิจเป็นที่สุด
โครงการธุรกิจขนาดย่อมนกฟีนิกซ์ เป็นโครงการให้เงินช่วยเหลือดอกเบี้ยเงินกู้ บริการให้คำปรึกษาแนะนำ และค้ำประกันเครดิตสินเชื่อ ส่วนโครงการการประกอบธุรกิจโดยสตรีหงส์บิน เป็นการให้คำปรึกษาแนะนำการตลาดแบบ Customization และแบบบูรณาการเพื่อผู้ประกอบการสตรี ทั้งสองโครงการนี้เป็นระบบที่ไม่มีในประเทศของผู้เข้าร่วมอบรม และยังเป็นประเด็นที่ให้ผู้เข้าอบรมได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างคึกคักอีกด้วย
สหพันธ์สตรีเวียดนาม (Vietnam Women's Union : VWU) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงฮานอยของเวียดนาม ก่อตั้งเมื่อปีค.ศ.1930 มีหน้าที่ในการติดต่อเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างแรงงานสตรีทั่วเวียดนาม จุดประกายในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสตรี และยังมอบเงินกองทุนและปล่อยเงินกู้วงเงินไม่มากให้แก่ครอบครัวผู้ด้อยโอกาสในเวียดนามด้วย
ผู้เชี่ยวชาญในองค์กรนี้ 2 ท่านที่เดินทางมาไต้หวันเพื่อเข้ารับการอบรมครั้งนี้ ได้แบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ในเวียดนาม และได้ยกตัวอย่างร่างโครงการ 10 ปีขององค์กรที่กำลังจัดทำร่างอยู่ในปัจจุบัน
คุณเดียบ เหงียน (Diep Nguyen) ผู้เข้าอบรมจาก VWU กล่าวว่า ปัจจุบันความยากลำบากที่ประสบคือ จะทำอย่างไรให้โครงการ 10 ปีนี้บังเกิดขึ้นได้ รูปแบบความร่วมมือของรัฐบาลและภาคเอกชนควรร่วมมือกันอย่างไร จึงจะสามารถช่วยเหลือสตรีประกอบธุรกิจได้ ซึ่งโครงการธุรกิจขนาดย่อมนกฟีนิกซ์และโครงการการประกอบธุรกิจโดยสตรีหงส์บินของไต้หวันถือเป็นโครงการที่น่าจะนำไปศึกษาพิจารณาเป็นแบบอย่าง
เกษตรมูลค่าเพิ่ม ทำให้เห็นคุณค่าของสินค้า
ผู้เข้าอบรม 4 ท่าน มาจากศูนย์ฝึกอบรมเกษตรกรรมแห่งชาติเมืองบันดุง อินโดนีเซีย คุณชินตา (Shinta) อาจารย์ผู้สอนด้านการเกษตรกล่าวว่า การพัฒนาสังคมของไต้หวันและการให้ความเคารพต่อสตรีเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้เธอเข้าร่วมอบรม
หลังจากเสร็จสิ้นการอบรม คุณชินตาบอกว่า ประชากรในชนบทของอินโดนีเซียเป็นสังคมผู้สูงอายุ เนื่องจากคนรุ่นใหม่ไม่ยอมทำเกษตร ช่วงเวลาหลังจากเก็บเกี่ยวข้าวไปจนถึงก่อนหว่านเมล็ดพันธุ์พืชมักเป็นช่วงที่เกษตรกรพักผ่อน เป็นช่วงที่ไม่มีอะไรให้ทำ หลังการอบรมผ่านไปหลายวัน เธอคิดไตร่ตรองว่า จะทำอย่างไรให้เกษตรกรรมเพิ่มมูลค่าให้สูงขึ้นได้ ทำให้เกษตรกรเรียนรู้ว่านอกจากการเพาะปลูกแล้ว ยังจะต้องเรียนรู้การตลาดด้วย
รูปแบบการจัดจำหน่ายของสินค้าแบรนด์ Green-in-Hand เป็นแรงบันดาลใจอย่างสูงให้เธอใช้วิธีออกแบบบรรจุภัณฑ์และทำการตลาดในอินเตอร์เน็ต ทำให้ข้าวกลายเป็นสินค้าของฝากที่มีเอกลักษณ์ประจำท้องถิ่น คุณชินตาหวังว่าจะนำประสบการณ์นี้กลับไปยังอินโดนีเซีย วางแผนการสอนที่จะช่วยให้เกษตรกรในท้องถิ่นเติบโตขึ้นได้
คุณโมซา ปราโมโน (Moza Pramono) นักธุรกิจหญิงจากกรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย เป็นเจ้าของกิจการถึง 3 บริษัท ครั้งนี้เธอเป็นตัวแทนของสมาคมนักธุรกิจหญิงอินโดนีเซีย (IWAPI) ซึ่งเป็นองค์กรที่ใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดมาเข้ารับการอบรมที่ไต้หวัน
ระหว่างการอบรม คุณโมซามีความกระตือรือร้นมาก ทุกครั้งก่อนเข้าเรียนเธอจะเป็นฝ่ายยื่นนามบัตรแนะนำตนเองก่อนเสมอ
ผู้เข้าอบรมจากอินโดนีเซียชื่นชมกรุงไทเปสะอาดมาก
หลังจากจบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย คุณโมซาเริ่มทำงานขายเสื้อผ้า ในใจคิดอยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจแต่ไม่มีทุนทรัพย์ ด้วยความเป็นคนที่มีอุปนิสัยร่าเริง อัธยาศัยดี และเต็มใจที่จะแบ่งปันให้ผู้อื่น เธอจึงเข้าสู่การทำงานด้านสื่อ สร้างวงจรสำหรับผู้ประกอบธุรกิจในอนาคต เธอมีบุตรสองคนที่ต้องเลี้ยงดู และรู้สึกว่าการท่องเที่ยวสำหรับครอบครัวมีอยู่อย่างจำกัด เธอจึงสร้างเว็บไซต์ liburkeluarga.com (การท่องเที่ยวสำหรับครอบครัว) ขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ของตนเอง และเชิญชวนเพื่อนฝูงให้ลงบทความ การเดินทางมาไต้หวันของเธอครั้งนี้ นอกจากเข้าอบรมแล้ว ยังได้แนะนำผลิตภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ โดยถ่ายเป็นคลิปวิดีโออัพโหลดลงในเว็บไซต์ด้วย
สิ่งที่ควรค่าแก่การกล่าวถึง คือ คุณโมซาสังเกตเห็นว่าถนนในกรุงไทเปไม่มีขยะเลย หลังจากที่เธออยู่ที่หน้าอนุสรณ์สถาน ดร.ซุนยัดเซ็น แล้วถามขึ้นอย่างสงสัยว่า คุณช่วยบอกฉันได้ไหมว่าทำไมบนพื้นถึงไม่มีขยะเลย? ถ้ามีขยะจะทำยังไง? สิ้นคำพูด เธอก็ถ่ายทำคลิปวิดีโอแนะนำสภาพแวดล้อมอันแสนสะอาดของกรุงไทเป
คุณโมซาผู้ซึ่งชื่นชอบการออกแบบ ยังทำธุรกิจสินค้าขนตาปลอมแบรนด์ Lashes by Moza อีกด้วย ซึ่งมีความแตกต่างจากขนตาปลอมที่ผลิตจากโรงงาน สินค้าของคุณโมซาเป็นขนตาแฮนด์เมดที่ผลิตจากเส้นผมจริง และผู้ผลิตก็คือแม่บ้านในท้องถิ่นของอินโดนีเซีย สินค้าของคุณโมซาไม่เพียงแต่มีวางจำหน่ายบนชั้นวางสินค้าในร้านค้าเท่านั้น เธอยังทำแบรนด์ให้เป็นเป็นกระเป๋าถือ และเคสโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น เธอนำสินค้าแบรนด์ของตนพกติดตัว สวมใส่บนร่างกาย เรียกได้ว่าทำการตลาดโปรโมทแบรนด์ได้ทุกที่ทุกเวลา
การที่ผู้หญิงจะประกอบธุรกิจนั้นมีความยากลำบากมาก ต้องเผชิญกับอุปสรรคนานัปการ ดังนั้น IWAPI ซึ่งเป็นองค์กรภาคเอกชนของอินโดนีเซียจึงเป็นเวทีในการติดต่อแลกเปลี่ยนระหว่างผู้ประกอบธุรกิจด้วยกันเอง
ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของ IWAPI คุณโมซาจึงรีบเดินทางกลับประเทศก่อนที่การอบรมจะจบลง เพื่อช่วยเหลือ IWAPI และบริษัทต่างประเทศในการจัดโครงการอบรมเวิร์คช็อปการประกอบธุรกิจประจำปีนี้ คาดว่าจะมีสตรีชาวอินโดนีเซียประมาณ 800 คน จาก 8 เมือง เข้ารับการอบรม
เธอผู้มีตารางงานแน่นเอียด ยังอุตส่าห์ฉวยโอกาสระหว่างเรียนในคลาสต่างๆ และระหว่างทัศนศึกษาแลกเปลี่ยนความเห็นกับวิทยากร เพื่อนำประสบการณ์จากไต้หวันกลับไปยังอินโดนีเซีย นำไปประยุกต์ใช้ในการทำงาน และในขณะเดียวกันก็เป็นการแบ่งปันให้แก่ทั่วประเทศด้วย
ประเทศในเอเชีย ประเด็นเรื่องการจ้างงานผู้หญิงและผู้หญิงประกอบธุรกิจนั้นมักถูกมองข้ามอยู่เสมอ เมื่อมีการตื่นตัวด้านสิทธิสตรีก็ทำให้ช่องว่างระหว่างเพศลดลง ผู้หญิงมีอำนาจเพิ่มขึ้น ประสบการณ์ของไต้หวันดึงดูดให้ผู้หญิงจากหลากหลายประเทศเดินทางมาไต้หวันเพื่อเรียนรู้ประสบการณ์เหล่านี้
ถัดจาก โครงการอบรมการประกอบธุรกิจโดยสตรี ในปีนี้ ICDF จะจัด โครงการอบรมการพัฒนามูลค่าสินค้าเกษตร และ โครงการอบรมการเสริมความสะดวกทางการค้า คาดว่าตลอดทั้งปี จะมีผู้เข้าอบรมซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเกือบ 50 คน จาก 10 ประเทศในอาเซียน และ 6 ประเทศในเอเชียใต้ และจากการหว่านเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ จะช่วยส่งเสริมสัมพันธภาพความร่วมมือระหว่างไต้หวันกับมิตรประเทศตามนโยบายมุ่งสู่ใต้ใหม่ให้แน่นแฟ้นและขยายตัวเพิ่มมากขึ้น